Google

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

d- -b*Magical Girl Lyrical Nanoha

การ์ตูนเรื่องนี้เป้นการ์ตูนแนวแปลงร่าง แต่ก้อผสมผสานความมันส์แบบสะใจดี ชอบมากทั้ง 3 ภาค มารู้จักกันก่อนดีกว่า ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีที่มายังไง
สาวน้อย จอมเวทย์ นาโนฮะ (ญี่ปุ่น: 魔法少女リリカルなのは Mahō Shōjo Ririkaru Nanoha ?) (อังกฤษ: Magical girl lyrical Nanoha) เป็นอะนิเมะของประเทศญี่ปุ่น แนวสาวน้อยเวทมนตร์ ซึ่งประกอบไปด้วย เด็กผู้หญิง คทา เวทมนตร์ และสัตว์ที่เป็นคู่หู ผลงานของบริษัท เซเวนอาร์กส (Seven Arcs Corporation.) กำกับโดย อากิยูกิ ชินโบ เริ่มฉายผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 มีทั้งหมด 3 ภาคจบ ได้แก่
  1. Magical Girl Lyrical Nanoha
  2. Magical Girl Lyrical Nanoha A's
  3. Magical Girl Lyrical Nanoha StrikerS
สาวน้อย จอมเวทย์ นาโนฮะ ได้มีภาค The Movie 1st ซึ่งได้ออกฉายในโรงภาพยนต์ในญี่ปุ่นไปแล้วและกำลังเข้ามาในไทยในไม่ช้านี้
ในประเทศไทย สาวน้อย จอมเวทย์ นาโนฮะ ออกจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี-ดีวีดีลิขสิทธิ์โดย TIGA และเคยออกอากาศทางช่อง ทรู สปาร์ก ของสถานีโทรทัศน์เคเบิล ทรูวิชั่นส์
เนื้อเรื่องภาค 1 (Magical Girl Lyrical Nanoha)
ทาคามาจิ นาโนฮะ เด็กป.3 ได้พบกับ ยูโน่ นักเวทจากโลกต่างมิติ ซึ่งกำลังตามเก็บจูเวลซี้ด แต่เสียท่าศัตรูจนสะบักสะบอม ทำให้ได้ค้นพบพลังเวทที่ยิ่งใหญ่ในตัวของนาโนฮะ และนาโนฮะก็เลือกที่จะใช้พลังเวทเพื่อปกป้องผู้คน ซึ่งเป็นภาระอันใหญ่ยิ่งเหลือเกินสำหรับเด็กป.3 แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ย่อท้อ และยังคงตามเก็บจูเวลซี้ดเพื่อช่วยยูโน่ต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับสาวน้อยจอมเวทอีกคนที่ชื่อ เฟท เทสทารอสซ่า ซึ่งตามเก็บจูเวลซี้ดเพื่อแม่ของเธอ ทำให้สาวน้อยทั้งสองต้องมาห้ำหั่นกัน ในที่สุดแม่ของเฟทก็เปิดเผยความจริงที่ทำให้เฟทต้องตะลึง คือจะใช้ตัวเฟทในการคืนชีพให้กับลูกสาวของเธออีกคน และขณะนั้นเอง ผู้ตรวจการแห่งห้วงมิติเวลา มิดชิลด้า ก็เข้ามาทำลายแผนของคุณแม่ของเฟท และจับตัวเฟทไปพิพากษา
เนื้อเรื่องภาค 2 (Magical Girl Lyrical Nanoha A's)
 
เวลาผ่านไปหลายเดือน ระหว่างที่เหตุการณ์สงบ ก็เกิดภยันตรายใหม่ขึ้น "หนังสือแห่งความมืด" ได้ตื่นขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของสาวน้อยจอมเวทคนใหม่ ยางามิ ฮายาเตะ และเหล่าอัศวินเมฆาผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย วีต้า ซิกนั่ม ชามัล และ ซาฟีร่า ซึ่งทั้ง 4 คนปรารถนาให้หนังสือแห่งความมืดดูดกลืนพลังเวทจนครบ 666 หน้า เพื่อให้ฮายาเตะหายจากอาการป่วยที่ร้ายแรง เมื่อหนังสือสมบูรณ์ ก็มีจอมเวทของหน่วยดูแลมิติ มาโจมตี โดยเล่นละครว่าฆ่าวีต้าและซาฟีร่า (เป็นสุนักจิ้งจอก) ทำให้ฮายาเตะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของหนังสือแห่งความมืดออกมา สามารถใช้ท่าไม้ตายของนาโนฮะได้ และยังดูดร่างของเฟทไปด้วย
เมื่อเฟทตื่นขึ้นมา ได้พบกับความฝันที่เป็นจริงของเธอ คือ ครอบครัวที่อบอุ่น เธอได้อยู่กับแม่ และพี่สาวของเธอ(ที่ตายไปแล้ว)เธอปฏิเสธที่จะอยู่ด้วย พี่ของเธอได้บอกวิธีออกจากหนังสือแห่งความมืด เฟทออกมาได้สำเร็จแล้วมาช่วยนาโนฮะไว้ได้ขณะย่ำแย่ ฮายาเตะสามารถควบคุมหนังสือแห่งความมืดได้แล้ว แต่ไม่สามารถหยุดโปรแกรมทำลายล้างที่ทำงานอยู่เนื่องจากจนเองได้ปลดปล่อยหลังของหนังสือออกมา สาวน้อยจอมเวททั้ง 3 จึงร่วมมือกับนาโนฮะในการทำลายหนังสือแห่งความมืด

เนื้อเรื่องภาค 3

6 ปีผ่านไป ได้เกิดอันตรายใหม่คือ เจลสกาลิเอสตี้ กับ12 นักรบจักรกล เเละ เรลีค นาวาอากาศเอกทาคไมจิ นาโนฮะ จะสามารถหยุดได้หรือไม่ ได้พบกับเด็กใหม่ คือ ซูบารู นาคาจิมา เทียน่า เเลตเตอร์ คาโร รู ลูเชีย นักอัญเชิญมังกร เเละเอริโอ มอลเดีย วีวีโอ้

ตัวละครหลัก
ทาคามาจิ นาโนฮะ(Takamachi Nanoha,高町なのは) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย ยูคาริ ทามูระ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาค)
สาวน้อยจอมเวทอายุ 9 ขวบ อยู่ชั้น ป.3 เป็นเด็กเรียนดี มีครอบครัวที่อบอุ่น และทำกิจการร้านเบเกอรี่ด้วย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตอยากจะเป็นอะไร จนกระทั่งได้พบกับยูโน พร้อมกับอาวุธคู่กาย "Raising Heart" (เรซิ่งฮาร์ท) เป็นคทาธาตุแสง มีท่าเคลื่อนไหวเช่น Flash Move และท่าไม้ตายเช่น Devine Buster,Starlight Shooter เป็นต้น นาโนฮะมีท่าไม้ตายสูงสุดคือ Starlight Breaker.แต่ภายหลัง นาโนฮะได้เสริมพลังใหม่เพื่อให้มีพลังทัดเทียมกับเหล่าอัศวินแห่งเบลก้า สังกัด โวลเคนริเตอร์ได้เลซิ่งฮาร์ทจึงมีชื่อใหม่ว่า "เรซิ่งฮาร์ท เอ็กเซเลี่ยน"
ในภาค Strikers เธอได้ทำงานสังกัดในแผนกปฏิบัติการณ์ที่ 6 มียศอย่างเป็นทางการว่า "นาวาอากาศเอก ทาคามาจิ นาโนฮะ" เป็นหัวหน้าหน่วย Stars และเป็นครูฝึกหน่วยแนวหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีอะนิเมะในรูปแบบโอวีเอ ที่ ทาคามาจิ นาโนฮะ เป็นตัวละครประกอบด้วย มีชื่อเรื่องว่า Triangle Heart มีท่าไม้ตายชื่อว่า Starlight Breaker
เฟท เทสทารอสซ่า (Fate Tastarossa ,フェイト・テスタロッサ) ภายหลังเธอมีชื่อว่า "เฟท ที ฮาราวน์" 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย นานะ มิซึกิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย วิภาดา จตุยศพร)
สาวน้อยจอมเวทคนที่ 2 เป็นคู่แข่งคนสำคัญของนาโนฮะ แต่ภายหลังเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมาก (นอกจากนาโนฮะแล้ว เฟทยังเป็นคู่ปรับกับซิกนั่มอีกด้วย แต่เฟทก็ยังค้างชำระกับซิกนั่มเนื่องจากทั้งคู่เคยสู้กันแต่ก็ยังไม่รู้ผลทั้งคู่จึงให้สัญญาว่าหากตนเก่งขึ้นเมื่อไรจะกลับมาสู้กันอย่างถูกต้องและยุติธรรม) ครอบครัวของเธอมีแม่ และอสูรรับใช้ที่ชื่อ อัลฟ์ อาวุธคู่กายของเธอคือ "Bardiche" (บัลดิช) เป็นคทาสายฟ้ามีพลังโจมตีสูง มีทั้งรูปขวาน เคียว และดาบแสง และมีท่าไม้ตาย เช่น Thunder Smash เป็นต้น ภายหลังเฟทได้เสริมพลังพร้อมๆกับนาโนฮะ บัลดิชจึงมีชื่อใหม่ว่า"บัลดิช แอสซอลท์"
ในภาค Strikers เธอได้ทำงานสังกัดในแผนกปฏิบัติการณ์ที่ 6 เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการและเป็นหัวหน้าหน่วย Lightning ได้รับเลี้ยงเอริโอ้และคาโรที่อยู่หน่วยของเธออีกด้วย
ยางามิ ฮายาเตะ (Yagami Hayate,八神はやて) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย คานะ อุเอดะ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศันสนีย์ ติณห์กีรดีศ)
สาวน้อยจอมเวทคนที่ 3 ผู้ครอบครองหนังสือแห่งความมืด (ชื่อเดิม หนังสือแห่งนภาราตรี "Book of Night Sky") แต่เพราะหนังสือแห่งความมืดจะดูดพลังจากตัวเธอไป ทำให้เธอป่วยจนเดินไม่ได้ และจะลามมากขึ้นจนไปถึงอวัยวะสำคัญ ถึงขั้นทำให้อวัยวะนั้นหยุดทำงาน มีเพียงวิธีเดียวที่จะหยุดได้คือ ทำให้ตัวฮายาเตะเป็นเจ้าของหนังสือแห่งความมืดที่แท้จริง เหล่าสี่อัศวินเมฆาผู้พิทักษ์ (Wolkenritter) จึงพยายามเก็บรวบรวมพลังเวท เพื่อให้หนังสือสมบูรณ์และยอมรับฮายาเตะเป็นเจ้าของที่แท้จริง เพื่อฮายาเตะจะได้ไม่ต้องตาย ซึ่งตัวฮายาเตะไม่ต้องการ แต่อัศวินทั้ง 4 ทำเองไปโดยไม่บอก เมื่อหนังสือสมบูรณ์ ก็มีอาจารย์ของโครโน่ (จอมเวทของหน่วยดูแลมิติ) มาโจมตี โดยเล่นละครว่าฆ่าวีต้าและซาฟีร่า (เป็นหมา) ทำให้ฮายาเตะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของหนังสือแห่งความมืด แต่ในขณะที่ฮายาเตะโดนหนังสือแห่งความมืดควบคุม ก็ได้เปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น Reinforce (มาจากสายลมแห่งพร wind of blessed) ทำให้ฮายาเตะสามารถควบคุมหนังสือแห่งความมืดได้ แต่ไม่สามารถหยุดโปรแกรมทำลายล้างที่ทำงานอยู่เนื่องจากตนเองได้ปลดปล่อยหลังของหนังสือออกมา จึงรวมมือกับนาโนฮะในการทำลายโปรแกรมทำลายล้าง
ในภาค Strikers เธอได้เป็นผู้บัญชาการของแผนก 6 มียศเป็น "พันโทยางามิ ฮายาเตะ" พลังเวทของเธอนั้นมากมายกว่านาโนฮะและเฟทเสียอีก แต่เวทของเธอมักจะส่งผลเป็นบริเวณกว้าง จึงต้องอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการ
ยูโน สไครเออร์ (Yuuno Scrya ユーノ・スクライア) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย คาโอริ มิซึฮาชิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
นักโบราณคดีผู้ตามหาเจเวลซี้ดบนโลกที่นาโนฮะอยู่ แต่พลาดท่าให้กับศัตรู จึงได้ขอความช่วยเหลือจากนาโนฮะ และเป็นคนที่มอบ Raising Heart ให้กับนาโนฮะ ถนัดเวทมนตร์สายสนับสนุน เช่นเวทค้นหา รักษา ฯลฯ เป็นคนสุขุมรอบคอบเกินวัย งานอดิเรกคือการอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ปกติเมื่ออยู่กับนาโนฮะบนโลกจะกลายร่างเป็นเฟอร์เร็ต
โครโน่ ฮาราวน์ (Chrono Halaown クロノ・ハラオウン,) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่น มิคาโกะ ทาคาฮาชิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย ภัทรวุฒิ สมุทรนาวี)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมมิติเวลา มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเฟท (ตอนที่แม่ของเขา รินดี้ ฮาราวน์ รับเฟทเป็นลูกบุญธรรม)
วีต้า (Vita ヴィータ) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย อาซามิ ซานาดะ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย จารุภา ลิ้มธีระยศ)
หนึ่งในสี่อัศวินเมฆาผู้พิทักษ์ เป็นเด็กแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า อุปนิสัยขวานผ่าซากและโมโหร้าย อาวุธคู่กายของเธอคือค้อนยักษ์ กราฟไอเซ่น (Graf Aizen) อะไรขวางหน้า หรือไม่พอใจสิ่งใดเป็นทุบแหลกไม่เลือกหน้า สามารถเปลี่ยนเป็นโหมดจู่โจมทะลุบาเรีย(Rakten form)โหมดเน้นทำลายสิ่งก่อสร้างที่แข็งแกร่ง(Zerstorungs form)และโหมดเน้นพลังทำลาย (Giant form)มีท่าไม้ตายเป็นฆ้อนขนาดยักษ์ (Giant Crusher) วีต้านั้นสนิทกับฮายาเตะที่สุด อยากจะให้ฮายาเตะหายป่วยเร็วๆ จึงใช้หนังสือแห่งความมืดสะสมพลังเวทเพื่อให้ความปรารถนาเป็นจริง
ในภาค Strikers เธอเป็นรองหัวหน้าหน่วย Stars ของนาโนฮะ และช่วยฝึกพวกแนวหน้าให้ด้วยเช่นกัน
ซิ๊กนั่ม (Signum シグナム) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย คาโอริ ชิมิซึ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
หนึ่งในสี่อัศวินเมฆาผู้พิทักษ์ เป็นสาวห้าวผู้มีร่างกายและจิตใจเยี่ยงอัศวินที่แท้จริง อาวุธคู่กายคือดาบ เลวานทีน (Levantine) ถนัดการต่อสู้ระยะประชิดและมีท่าไม้ตายโจมตีที่รุนแรง ตัว Levantine สามารถแยกฝักดาบออกมาใช้ต่างหากเพื่อป้องกันการโจมตีได้อีก และสามารถรวมกับตัวดาบให้กลายเป็นโหมดธนูสังหาร (Bow form)ซึ่งมีท่าไม้ตายโจมตีระยะไกลที่รุนแรง คือ Strom Falcon
ในภาค Strikers เธอเป็นรองหัวหน้าหน่วย Lightning ปกติไม่ค่อยร่วมฝึกสอนกับพวกนาโนฮะ มักจะเฝ้ามองดูพัฒนาการของหน่วยแนวหน้าอยู่เฉยๆ มากกว่า
ชามัล (Shamal シャマル) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย เรียวกะ ยูซึกิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย วิภาดา จตุยศพร)
หนึ่งในสี่อัศวินเมฆผู้พิทักษ์ ผู้มีความสามารถทางด้านเวทมนตร์สายสนับสนุน (คล้ายๆกับยูโน่) ห่วงใยฮายาเตะราวกับลูกของตัวเอง อาวุธคู่กายคือวงแหวนสายลม คลาลวินด์ (Klarl Wind)
ในภาค Strikers ได้เป็นหน่วยพยาบาลของแผนกปฏิบัติการณ์ที่ 6
ซาฟีร่า (Zafira ザフィーラ)
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย คาซึยะ อิชิโจ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน)
หนึ่งในสี่เมฆาผู้พิทักษ์ มีลักษณะเป็นอสูรรับใช้ คอยอยู่ข้างๆฮายาเตะเหมือนๆกับพวกซิกนัม แปลงร่างเป็นหมาป่าได้ คล้ายๆกับอัลฟ์ทุกประการ ต่างกันตรงแค่เป็นตัวผู้ ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด และมีเวทสายป้องกันที่ดีเยี่ยม
อัลฟ์ (Arf アルフ) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย นัตสึโกะ คุวาทานิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศันสนีย์ ติณห์กีรดีศ)
อสูรรับใช้ของเฟท รักและห่วงใยเฟทเป็นที่สุด แปลงร่างเป็นหมาป่าได้ ถนัดกระบวนท่าต่อสู้ระยะประชิด และเวทเสริมพลัง
กิงกะ นาคาจิม่า (Ginga Najajima) 
██
พี่สาวของสุบารุ อายุมากกว่าสุบารุสองปี ได้เฟทช่วยไว้จากอุบัติเหตุไฟไหม้เมื่อสี่ปีก่อน ปัจจุบันทำงานอยู่ที่หน่วยภาคพื้นดินเช่นเดียวกับพ่อของเธอ
ซูบารุ นาคาจิม่า (Subaru Nakajima) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย จิวะ ไซโต / พากย์เสียงภาษาไทยโดย วิภาดา จตุยศพร)
เด็กที่นาโนฮะช่วยไว้จากอุบัติเหตุไฟไหม้สนามบินจากลอสต์โลเกียเมื่อสี่ปีก่อน ทำให้เธออยากเป็นจอมเวทเหมือนาโนฮะ อาวุธของเธอคือสนับมือชื่อ รีวอลเวอร์ นัคเคิล และโรลเลอร์สเกต เวทมนตร์ของเธอเป็นสายเบลก้าผสมมิดชิลด้า ภายหลังเธอได้อัพเกรดอาวุธให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวสนับมือยังเป็นอันเดิม แต่ได้เปลี่ยนตัวโรลเลอร์สเกตเป็น มัค คาลิเบอร์ (Mach Caliber) ซึ่งมีความเร็วและความทนทานเพิ่มมากขึ้น มีท่าไม้ตายคล้ายท่าของนาโนฮะ คือ Divine buster และความจริงแล้วซูบารุและพี่สาวกิงกะนั้นเป็นมนุษย์จักรกลสงครามโดยมีต้นแบบมาจากแม่ของซูบารุและกิงกะเพราะไม่มีลูกจึงรับทั้งสองคนไว้ดูแล
เทียน่า แลนสเตอร์ (Teana Lanster) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย ไม นากาฮาระ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
เป็นคู่หูกับซูบารู มีปืนเป็นอาวุธ เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และวางแผนได้ดี มีความสามารถในการยิงปืนเวทมนตร์และการสร้างภาพลวงตา อาวุธของเธอชื่อ ครอส มิราจ (Cross Mirage) ปกติจะอยู่ในรูปการ์ด และจะกลายเป็นปืน และมี Ai ในตัว เมื่อถูกเรียกใช้งาน ความฝันของเธอคือการเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ เธอรับช่วงต่อจากพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหกปีก่อน
เอริโอ้ มอลเดียล (Erio Mondial) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย มารินะ อิโนอุเอะ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาค)
เป็นเด็กที่เหลือรอดมาจาก โปรเจกต์ F (โครงงานวิจัยผลิตนักเวทเทียม) โตมาจากสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้า โดยเฟทเป็นคนดูแล และอยู่ในหน่วยของเฟท เป็นคู่หูของคาโร อาวุธคู่กายคือ สตราด้า (Strada) จะอยู่ในรูปของนาฬิกา เมื่อถูกเรียกใช้งานจะกลายเป็นหอกมีพลังโจมตีสูง มีท่าไม้ตายคือ Thunder Rage เขาได้รับการฝึกฝนมาจากเฟท จึงมีรูปแบบและความเร็วในการโจมตีสูง มักจะเป็นแนวหน้ายามปฏิบัติงานกับคาโรเสมอ
คาโร รู ลูเชีย (Caro Ru Lushe) 
██
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย มิคาโกะ ทาคาฮาชิ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย อภิญญา พรมานะสุขุม)
เป็นผู้อัญเชิญมังกร ทำงานอยู่ในหน่วยของเฟท เป็นคู่หูของเอริโอ มีสัตว์เลี้ยงเป็นมังกรชื่อ ฟรีดริช เธอสามารถใช้มนต์พิเศษอัญเชิญมังกรได้ 2 แบบ และถนัดการใช้เวทสนับสนุน อาวุธของเธอคือ เครีเคออน (Kerykeion) เป็นกำไลและอยู่ในรูปถุงมือเมื่อถูกเรียกใช้งาน สามารถใช้เวทเพิ่มความสามารถให้กับคนอื่นได้ เช่น Boost up,Speed up
รีนฟอร์ส ซไวท์ (Reinforce Zwei)
(พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย ยูคานะ / พากย์เสียงภาษาไทยโดย จารุภา ลิ้มธีระยศ)
เธอเป็น โซล ยูนิซัน ดีไวส์ (วิญญาณที่สามารถรวมร่างกับนักเวทคนอื่นและเพิ่มความสามารถได้) ของโปรแกรมป้องกันตัวเองจากหนังสือแห่งความมืดที่แยกออกมา ที่ฮายาเตะ ตั้งชื่อให้ว่า รีนฟอร์ซ (ดูเพิ่มเติมได้ในภาค A`s) มีขนาดตัวเล็กเท่าตุ๊กตา ถนัดมนต์สายสนับสนุน เธอมักจะทำงานร่วมกับฮายาเตะและไปไหนมาไหนกันด้วยเสมอ เธอสามารยูนิซันได้ 3 คนคือฮายาเตะ วีต้า และซิกนัม
ทาคามาจิ วีวีโอ้ (Takamachi Vivio)
เป็นเด็กที่ถูกช่วยเหลือโดยหน่วยที่6 มีพลังเวทมากมายซุกซ่อนอยู่ในตัว ตอนนี้นาโนฮะกับเฟทจะเลี้ยงดูแทนแม่ของวีวีโอ้ โดยที่นาโนฮะเป็นผู้ปกครองส่วนเฟทเป็นผู้เลี้ยงดู ภายหลังได้ถูกลักพาตัวไปเพื่อใช้ให้ควบคุมเปลแห่งราชาจนพวกนาโนฮะต้องไปช่วยออกมาเธอเป็นเด็กที่น่ารักและเรียกนาโนฮะและเฟทว่าหม่าม้า ทั้งสองใจดีต่อเธอมากจึงทำให้เธอติดทั้งสองมากและนาโนฮะก็รักเด็กคนนี้มากเช่นกัน ซึ่งจริงๆแล้วตัวของวีวีโอ้นั้นเป็นร่างของราชา
เจล สกาลิเอ็ดตี้ (Jel Skalieti)
เป็นอาชญากรต่างมิติ ที่ถูกออกหมายจับทั่วทุกมิติ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด และเป็นผู้สร้างมนุษย์จักรกลสงครามทั้ง 12 ตัว มีแผนการที่จะยึดครองโลก โดยใช้เปลแห่งราชาเป็นอาวุธในการทำลายโลก
เพลงเปิด
  • Innocent Starter (ภาค 1)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • Eternal Blaze (ภาค A's)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • Secret Ambition (ภาค Strikers ตอนที่ 1-17)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • Massive Wonders (ภาค Strikers ตอนที่ 18-26)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • PHANTOM MINDS (The MOVIE 1st)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ

[แก้] เพลงปิด

  • Little Wish (ภาค 1)
ขับร้องโดย ยูคาริ ทามูระ
  • Spiritual Garden (ภาค A's)
ขับร้อโดย ยูคาริ ทามูระ
  • Hoshizors No Spica (ภาค Strikers ตอนที่ 1-14)
ขับร้องโดย ยูคาริ ทามูระ
  • Beautiful Amulet (ภาค Strikers ตอนที่ 15-26)
ขับร้องโดย ยูคาริ ทามูระ
  • My wish My love (The MOVIE 1st)
ขับร้องโดย ยูคาริ ทามูระ

[แก้] เพลงแทรกระหว่างเรื่อง

  • ALIVE&KICKING|Take a shot (ภาค 1 ตอนที่ 12)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • Snow Rain (ภาค A's ตอนที่ 11)
ขับร้องโดย คานะ อุเอดะ
  • Brave Phoenix (ภาค A's ตอนที่ 12)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • The Empty Color of Promises (ภาค Strikers ตอนที่ 8)
ขับร้องโดย จิวะ ไซโต
  • Pray (ภาค Strikers ตอนที่ 24)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
  • Don't be long (The MOVIE 1st)
ขับร้องโดย นานะ มิซึกิ
 
***ขอขอบคุณข้อมูลจาก *วิกิพีเดีย และ http://www.nanoha.com/

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

Downloads: Views: 186029

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

d- -b*Header ของBlog คือใคร??

ดูที่ Header ที่เป็นรูปผู้หญิง ผมม้าๆอ่านะ คือศิลปินญี่ปุ่นที่เราชื่นชอบเองแหละ เธอมีนามว่า Yuki Isoya
ปกติฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกหร๊อกกกก.. แต่ที่ชอบ เพราะเสียงเค้าเป็นเอกลักษณ์ดีอ่ะ เสียงเหมือนเด็กเลยอ่ะ
แล้ว MV แต่ละตัวก็ออกแนวๆ น่ารักดีนะ ลองมาดูกันได้ เค้าออกมาหลายอัลบั้มแล้ว
พยายามหาประวัติเค้าแล้ว มีแค่นี้ แถมภาษา Eng ด้วย ขี้เกียจแปลไทย อ่านเองละกัน d-  -" b
Yuki was born in Hakodate, Hokkaido to her parents Mo and Ryouko. Her father was an elementary school principal. She has two siblings: an older sister, Yukari, and a younger brother, Taminori. After graduating from Hakodate Iai Women's High School, she worked as a tour guide. After graduating from Hakodate Otani College, she worked as a beautician. She met Kaito Onda who visited Hakodate to make a movie Ituka-Giragirasuruhi. It triggered setting up Judy and Mary in 1992. After going through surcease, restart, and breakup of Judy and Mary, she made her solo debut in 2002.She is married to Magokoro Brothers front man Yochi Kuramochi, and gave birth to her first child, a boy, on April 18, 2003. However, the child died from unknown causes (SIDS) on March 17, 2005. She gave birth to a second child on August 29, 2006.
อัลบั้มต่างๆที่ออกมา
  • Prismic – solo debut – (March 27, 2002)
  • Commune (March 26, 2003)
  • Joy (February 23, 2005)
  • Wave (September 6, 2006)
  • Five-star – best album – (October 3, 2007)
  • Ureshikutte Dakiau Yo (March 10, 2010)
ภาพต่างๆของ Yuki


ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจาก
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ลองดู MV

d- -b*2NE1

หลังจากที่โด่งดังกันมากมาย ตอนนี้อัลบั้มเต็มชุดแรกก็ออกมาแล้ว
9 กันยายน 2553 YG Entertainment เผย "วันนี้ (9 ก.ย.) เราได้วางจำหน่ายอัลบัมชุดแรก 'To Anyone' และได้เปิดตัวมิวสิควีดีโอด้วยครับ" สำหรับผลงานเพลงชุดนี้ของ 2NE1 จะเปิดตัวผ่านทางเว็บฟังเพลงออนไลน์ ยูทูป และไอทูนส์มิวสิคสโตร์สำหรับแฟนๆในต่างประเทศ

2NE1 มีเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มนี้รวมทั้งหมด 3 เพลงประกอบไปด้วย 'Go Away', 'Can't Nobody' และ 'CLAP (박수쳐)' ในขณะเดียวกันพวกเธอก็เตรียมเปิดตัวมิวสิควีดีโอเพลง 'CLAP' ในวันที่ 9 ก.ย., 'GO AWAY' ในวันที่ 10 ก.ย. และ 'Can't Nobody' ในวันที่ 11 ก.ย. อย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกันจนถึงตอนนี้มียอดสั่งจองอัลบั้มใหม่ของ 2NE1 เกิน 1 แสนชุดเรียบร้อยแล้ว

อนึ่ง 2NE1 เตรียมคัมแบ็คในรายการ SBS 'Ingygayo' วันที่ 12 กันยายนนี้
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
MV ออกมาแล้วชอบมากๆๆ
1.Clap your hand
Downloads: Views: 3057107
2.Can't nobody
Downloads: Views: 2753276
3.Go away ส่วนตัวชอบเพลงนี้มั่กๆ
Downloads: Views: 3089961

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

d- -b*Microsoft Surface

Microsoft Surface คืออะไร

เป็นระบบ Virtual Computing ซึ่งเป็นแนวคิดของเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับครอบครัวแนวใหม่ โดยออกแบบมาในรูปของโต๊ะรับแขก มีหน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 30 นิ้ว ควบคุมการใช้งานด้วยนิ้วมือ โดยรับคำสั่งในรูปแบบต่างๆ ผ่านการลากนิ้ว ในแบบต่างๆ กัน และเป็นระบบ Multi touch คือการรับคำสั่งโดยการแตะมากกว่า 1 จุดได้ ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ และระบบป้อนคำสั่งด้วยนิ้วมือแบบใหม่ ทำให้เราสัมผัสกับการใช้คอมพิวเตอร์แบบใหม่
ระบบจอภาพที่ใช้จะเป็นแบบ rear projection รับรู้การสัมผัสโดยมีกล้องจับภาพวัตถุ การเลื่อนนิ้วมือ  และการแตะของนิ้วมือ    การทำงานแบบนี้คล้ายๆ กับการใช้งานของ  Apple iPhone เพียงแต่นี่เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 30 นิ้ว ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่เราเคยชินกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วย mouse และ keyboard ธรรมดา 

ความเป็นมาของ Microsoft Surface
                ปี 2001 : Stevie Bathiche และนาย Andy Wilson ทีมงานจาก Microsoft Hardware และ Microsoft Research ได้ร่วมกันเริ่มต้นระดมสมองคิดที่จะสร้างโต๊ะอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ อย่างเวลาที่เราทำกิจกรรมอะไรบนนั้น เช่น เล่นพวกเกมกระดานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมากฮอส, หมากรุก หรือเล่นพวกเกมไพ่ เป็นต้น


ปี 2003 : จากนั้นสองปีให้หลังทีมงานก็เอาไอเดียไปเสนอกับนาย Bill Gate ประธานของไมโครซอฟต์เวลานั้น จนกระทั่งได้สร้างโต๊ะตัวต้นแบบขึ้นตามแนวความคิดดังกล่าวบนรูปแบบโต๊ะของ IKEA หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานด้านต่างๆ มากขึ้น โดยมองเห็นถึงความสามารถ และข้อดีที่ไม่เหมือนใครของพื้นผิวบนพื้นโต๊ะนั่นเอง ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับวัตถุอะไรก็ได้ที่นำมาวางบนตัว
ปี 2004 : ในปี 2004 ทีมงานนี้ก็ได้กลายมาเป็น The Surface Computing Group และเดินหน้าปรับแต่ง พัฒนา ต้นแบบ Surface Computing อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวฮาร์ดแวร์ของโต๊ะ ตัวฟังก์ชันหรือคุณสมบัติในการใช้งานตัว application ต่างๆ ที่จะนำมาใช้ร่วมกับโต๊ะอิเล็กทรอนิกส์แบบนี้ให้มีความสามารถมากขึ้นและดีขึ้นๆ จนมีต้นแบบมากกว่า 85 ต้นแบบ เพื่อจะให้ได้ทดลองใช้โดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์ และนักวิจัยต่างๆ
ปี 2005 : ปลายปี 2004 ซอฟต์แวร์ในรูปแบบของ Surface Computing ก็ถูกสร้างขึ้นและปรับให้เข้ากับรูปแบบของตัวฮาร์ดแวร์ต้นแบบต่างๆ ที่แตกต่างกันหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นทรงกระบอก ทรงเหลี่ยม ทรงกลม ทำจากพลาสติก และอื่นๆ สูงบ้าง เตี้ยบ้าง และผ่านการทดสอบ และวิจัยมาอย่างยาวนาน จนในที่สุดก็เสร็จสิ้นเป็นรูปร่างที่ดูลงตัวอย่างเช่นปัจจุบันเอาในปี 2005 ที่ผ่านมา
ปี 2007 : ลักษณะของ Surface Computing ในปัจจุบัน มีจอขนาด 30 นิ้ว แสดงอยู่บนพื้นโต๊ะ ซึ่งง่ายสำหรับการใช้งานเพียงลำพัง หรืออาจจะใช้ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ก็ได้ โดยการใช้นิ้วหรือมือลูบไปบนพื้นผิวของจอ ที่มีลักษณะเป็นกระจกเรียบ การสัมผัสเพื่อควบคุมการใช้งานผ่านจอของ Surface Computing ก็จะยืดหยุ่นและมีความสามารถสูงกว่า Touch Screen ทั่วๆ ไป รวมถึงความสามารถพิเศษในการถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ หรือ PDA เพียงแค่นำอุปกรณ์เหล่านี้มาวางบนพื้นโต๊ะของ Surface Computing ก็จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องใช้สายต่อพ่วงให้ยุ่งยากอีกต่อไป 
อนาคต : ทางไมโครซอฟต์เองให้คำมั่นว่าจะพัฒนา Surface Computing ต่อเนื่องต่อไป และจะมีการนำไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน สถาบัน การศึกษา ภาคธุรกิจ และภายในบ้าน รวมไปถึงการนำไปเป็นชิ้นส่วนประกอบของอุปกรณ์ประเภทต่างๆ เช่น ผนังของตู้เย็น เป็นต้น
ส่วนประกอบของ Surface Computing  

1. Screen  : เป็นระบบจอสัมผัสสามารถรับสัมผัสได้ทั้งจากผู้ใช้คนเดียวหรือผู้หลายๆ คน
ได้พร้อมกัน สามารถรู้จักรูปทรงของวัตถุต่างๆ ได้ โดยการอ่านด้วยโค๊ด “domino”
              2. Infrared : ทำงานใกล้เคียงกับแสงอินฟาเรด ใช้ความยาวคลื่น 850 นาโนมิเตอร์ ส่งแสงของอินฟาเรดไปที่จอภาพ เมื่อมีวัตถุมาสัมผัสที่จอภาพจะสะท้อนแสงกลับด้วยกล้อง จำนวน 5 ตัว ที่ความละเอียด 1280 x 960 pixels ไปที่จอภาพ แสงอินฟาเรด คือ แสงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่าแสงสีแดงลงไป   ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตา ของมนุษย์ ซึ่งคุณสมบัตินี้เอง จึงทำให้ เซ็นเซอร์ชนิดที่ใช้แสงอินฟาเรด เป็นที่นิยมนำมาใช้กันมาก โดยจะอาศัยหลักการของการสะท้อนของแสง คือใช้อุปกรณ์ส่งแสงเป็นแหล่งกำเนิดปล่อยแสงออกไป และเมื่อแสงกระทบกับวัตถุด้านหน้า มันก็จะสะท้อนแสงกลับมาเข้าที่ตัวรับแสง ส่วนอัตราของการสะท้อนกลับนั้นขึ้นอยู่กับสีและสภาพความมันของวัตถุที่สะท้อน เช่น สีดำ จะมีอัตราการสะท้อนกลับ น้อยกว่าสีขาว, หรือสภาพพื้นผิวที่มีความราบเรียบ เป็นมันวาว จะสามารถสะท้อนแสงได้ดีกว่า พื้นผิวที่มีลักษณะด้านและขรุขระ เป็นต้น
                 3. CPU : ใช้ระบบการประมวลผลเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป 
                               - Core 2 Duo processor
                                - RAM 2 GB
                               - Graphics card 256 MB
                                - Wireless 802.11 b/g
                                - Bluetooth 2.0
                                - Ethernet 10/100
                              - OS : Windows Vista ที่เขียนด้วย Windows Presentation Foundation (WPF) 
คือ การสร้างภาพที่แสดงบนวินโดว์สวิสต้าทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยี Vector Graphic ซึ่งทำให้ความละเอียดของภาพไม่เสียหากมีการซูม นอกจากนี้การแสดงผลต่างๆ จะเป็นสามมิติ ทำให้เราสามารถหมุน ย่อ หรือขยายโปรแกรม หรือแอพพลิเคชั่นได้ เนื่องการแสดงผลแบบสามมิติ และเทคโนโลยี Vector Graphic ทำให้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งวินโดว์สวิสต้าต้องการความสามารถของการ์ดแสดงผลสามมิติที่ค่อนข้างสูง รวมถึงคุณสมบัติของเครื่องที่ควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 1 กิกะไบต์ เราสามารถสร้างคอนโทรลที่ใช้เทคโนโลยี WPF ด้วยภาษา XAML โดยใช้โปรแกรม Blend ในการช่วยออกแบบหน้าจอ และใช้ Visual Studio 2005 ในการเขียนโปรแกรมการติดต่อกับวัตถุที่วางบนจอภาพด้วยระบบ Wi-Fi และ Bluetooth ในอนาคตจะใช้ร่วมกับ RFID หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน
4. Projector : ใช้เหมือนกับโปรเจคเตอร์แบบ DLP (Digital   Light  Processing :     เป็นเทคโนโลยีสำหรับการสร้างภาพโดยอาศัยกระจกที่มีขนาดเล็กมากมาทำหน้าที่ "เปิด - ปิดแสงสว่าง โดยการพริกให้แสง "ผ่าน -ไม่ผ่าน" ออกไปที่เลนซ์) ทำการส่งภาพขึ้นไปที่หน้าจอด้วยขนาด
ความละเอียด 1024 x 768 pixels  

 หลักการทำงานของ Microsoft surface 
“Surface” เป็นคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งที่มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ด้านบนเป็นจอสัมผัสทำด้วยอะคริลิกขนาด 30 นิ้ว ประกอบด้วยกล้อง 5 ตัว มี Wi-Fi และเครือข่ายไร้สาย Bluetooth เพื่อจับหาวัตถุและการเคลื่อนไหว โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Widows Vista กับซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟต์จะทำงานคล้ายๆ กับ Apple iPhone ที่เป็นหน้าจอระบบ multi touch screen สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้มากสุดถึง 52 สัมผัส
              ผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนมือไปบนโต๊ะแล้วกล้องที่ติดอยู่กับเครื่องจะแปลการเคลื่อนไหวออกเป็นคำสั่ง ส่วนเทคโนโลยีไร้สายจะช่วยเคลื่อนย้ายการจัดเก็บภาพจากกล้องดิจิตอล หรือโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะให้เข้าสู่หน้าจอ เพียงเคลื่อนไหวมือบนหน้าจอสัมผัสก็สามารถทำให้ภาพใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ นอกจากนั้นยังสามารถเคลื่อนย้ายไปยังกล้องถ่ายรูปตัวอื่น หรือฮาร์ดไดร์ฟอื่นโดยการเลื่อนภาพข้ามโต๊ะได้อีกด้วย
หลักการใช้งานของ Microsoft Surface อยู่ 4 หลัก คือ 
              1. Direct interaction ผู้ใช้สามารถจับต้องข้อมูลดิจิตอลด้วยมือของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่ง keyboard หรือ mouse
              2. Multi-touch contact การรับรู้จุดสัมผัสหลายจุดพร้อมกัน ไม่ใช่รับรู้แค่การแตะเพียงจุดเดียว แต่เป็นสิบๆ จุดพร้อมกันได้เลย
               3. Multi-user experience ให้ความรู้สึกของการร่วมกันใช้งานของผู้ใช้หลายคน ซึ่งถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะใช้ได้เพียงคนเดียวในคราวหนึ่งๆ คนที่เหลือก็นั่งดูอยู่ข้างๆ
              4. Object recognition ผู้ใช้สามารถวางวัตถุจริงๆ ลงบนหน้าจอได้เลย เช่น ถ้าเราวางโทรศัพท์มือถือไว้ เครื่องก็รับรู้ว่าเราอาจจะต้องการส่งถ่ายข้อมูล ระหว่างเครื่อง Microsoft Surface และโทรศัพท์มือถือ สามารถถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลจากนั้นก็วางกล้องลงบนโต๊ะรูปที่เราถ่ายไว้ก็จะออกมาแสดงบนจอภาพให้เห็น เราสามารถจัดแต่งภาพจากนั้นก็วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ แล้วลากรูปที่ได้ใส่เข้าไปในโทรศัพท์มือถือได้เลย ทั้งหมดทำได้โดยไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อให้ยุ่งยากอีกต่อไป 
รูปแบบการใช้งานของ Microsoft Surface
1. วาดรูปด้วยมือลงบนจอภาพ จากการสัมผัสด้วยนิ้วมือ โดยผู้ใช้คนเดียวหรือหลายๆ คน
ได้พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน 
                2. สามารถวางกล้องดิจิตอลที่มี Wi-Fi ลงบน Tabletop เครื่องจะจดจำวัตถุที่วางและดาวน์โหลดรูปจากในเครื่องโดยอัตโนมัติ หลักจากนั้นรูปก็จะแสดงทันทีที่หน้าจอ โดยที่เราสามารถหยิบจับสัมผัส เคลื่อนย้าย ย่อ-ขยายรูป หมุนรูปภาพได้เหมือนกับรูปถ่ายจริงๆ
                3.  มี Music Application ที่สามารถเลือกฟังเพลงได้จากปก CD สามารถเลือกเพลงแล้วนำมาใส่ใน Playlist แบบง่ายๆ และฟังเพลงได้ทันที 
4.  หาร้านอาหาร, โรงแรม, สถานที่ช๊อปปิ้ง และโรงหนัง จากแผนที่ได้ด้วยปลายนิ้ว 
5. ดูวีดีโอได้ด้วยการสัมผัสด้วยนิ้วมือบนจอภาพ 
6. วางโทรศัพท์มือถือไว้ที่จอภาพ เครื่องจะรับรู้ว่าเป็นรุ่นอะไร และมีความสามารถอะไรบ้าง และเราจะใช้งาอะไรกับมันได้บ้าง และสามารถเลือกเพลงจากจากเครื่องมาใส่ในโทรศัพท์ได้โดย ง่ายโดยวางโทรศัพท์มือถือที่มีระบบ Wi-Fi และเลือกเพลงที่ต้องการด้วยการสัมผัสจากนิ้วมือ 
คุณสมบัติเด่นๆ ของ Microsoft Surface 
              1.  มี Wi-Fi สำหรับตอบโต้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่วางบนจอภาพ เช่น แค่วางกล้องดิจิตอล
ที่มี Wi-Fi บนหน้าจอ เครื่องก็จะดาวน์โหลดและแสดงรูปภาพบนหน้าจอโดยอัตโนมัติ
              2.  สามารถตอบโต้การทำงานกับรูปภาพบนหน้าจอได้อย่างยืดหยุ่น
              3.  ใช้เป็นเครื่องเล่นเพลง หรือเป็น Jukebox ได้ง่ายๆ  
Downloads: Views: 233385